Cressing Cress Microgreens ไมโครกรีนสามารถเอามาปรุงอาหารได้หลายรายการอาหาร ซึ่งจำนวนมากจะเป็นการทานแบบผักสด โดยไม่ผ่านความร้อน อย่างเช่น สลัดผัก หรือทานเป็นเครื่องแนมคู่กับสเต็ก นำไปใส่ไส้แซนวิซ แฮมเบอร์เกอร์ และก็โรยหน้ารายการอาหารต่างๆยิ่งกว่านั้น ยังสามารถเอามาปั่นเป็นเครื่องดื่มสมูทตี้ได้อีกด้วย แม้กระนั้นในอนาคตบางทีอาจมิได้จำกัดอยู่เท่านี้ ด้วยเหตุว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ณัฐชัย ดงษ์ยอดเยี่ยม มีแผนการที่จะต่อยอดไมโครกรีนโดยการเปลี่ยนรูปให้เป็นผุยผง เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับของกิน รวมทั้งองค์ประกอบของสินค้าอาหารเสริมด้วย แล้วก็นี่บางทีอาจเป็นอีกหนทางหนึ่งสำหรับเพื่อการสร้างรายได้จากไมโครกรีน
ธรรมดาการบริโภคผัก ดังเช่น บร็อคโคลี หรือคะน้าที่โตเต็มวัย พวกเราจะรู้จักดีกับการกินกันฯลฯหรือหัวใหญ่ๆแต่แรกเริ่มยิ่งโตค่าสารอาหารบางจำพวกยิ่งลดน้อยลง แต่ว่าการทานต้นอ่อนจะได้คุณค่ามากยิ่งกว่า เปรียบอาทิเช่นการทานต้นอ่อนบร็อคโคลีเพียงแต่ 50 กรัม ได้คุณค่าพอๆกับการทานบร็อคโคลีโตเต็มวัย 1 หัว ไมโครกรีนสามารถเอามากินได้นานัปการแบบ อาทิเช่น เอามาปั่นเป็นเครื่องดื่มสมูทตี้ หรือ เอามาโรยหน้าทานกับซุป สลัด หรือแซนวิช ก็ได้ได้ประโยชน์รวมทั้งได้ค่าทางของกิน เดี๋ยวนี้ผักไมโครกรีนจัดว่าเป็นรูปแบบใหม่สำหรับการบริโภคผักของชาวไทย ซึ่งเกิดเรื่องที่จะจะต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไมโครกรีนแก่ราษฎรได้รู้เรื่องรวมทั้งรับทราบถึงคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากไมโครกรีนให้เพิ่มมากขึ้น”
Cressing Cress Microgreens ผักจิ๋วสารพัดประโยชน์
นอกจากนั้น ยังมีการวิจัยรับรองว่า ไมโครกรีนมีประโยชน์ดีต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นอ่อนของผักในเชื้อสายกะหล่ำ ดังเช่น บร็อคโคลี คะน้า กะหล่ำปลี หัวผักกาด (ไควาเระ) มัสตาร์ด ด้วยเหตุว่ามีสารต่อต้านโรคมะเร็ง (glucosinolate) ที่มีเฉพาะในผักเครือญาติกะหล่ำเท่านั่น ยิ่งไปกว่านี้ในขณะนี้มีการศึกษาเล่าเรียนการนำผักท้องถิ่นของไทยมาเพาะเป็นไมโครกรีนได้หลากหลายประเภทไมโครกรีน (Microgreen) เป็นต้นอ่อนของผักจำพวกต่างๆที่พวกเราเคยได้เห็น เคยกินกันเสมอๆนี่เองจ้ะ ไม่ว่าจะเป็น ผักกาด บร็อคโคลี คะน้า กะหล่ำปลี หัวผักกาด ผักบุ้ง และก็อีกมากมายจำนวนมาก มูลเหตุที่ไมโครกรีนเพราะอะไรก็เลยดังและก็กำลังเป็นนิยมจากฝูงชนที่ถูกใจกินผักแล้วก็รักสุขภาพ
เพราะเหตุว่าลักษณะเด่นของไมโครกรีนที่อุดมไปด้วยสารอาหารรวมทั้งสารพฤกษเคมีสูง Cressing Cress Microgreens ตัวอย่างเช่น จำนวนวิตามินซี แคโรทีนอยด์ สารประกอบฟีนอล จำนวนธาตุต่างๆ(Ca, Mg, Fe, Zn, Sn และก็ Mo) โดยเฉพาะสารต้านทานโรคมะเร็งสูงยิ่งกว่าในผักโตเต็มวัย อีกทั้งส่งผลงานค้นคว้าวิจัยรองรับว่า ต้นอ่อนของผักพวกนี้รับประทานน้อยแต่ว่าได้ประโยชน์มากมายก่ายกอง ก็เลยทำให้กระแสการบริโภคผักรูปแบบใหม่นี้ได้รับความนิยมอย่างยิ่งซึ่งเดี๋ยวนี้มีเกษตรกรเยอะแยะ รวมทั้งแฟนสุขภาพที่ถูกใจทานผัก ได้ผันตนเองมาเป็นเกษตรกรต้องปลูกไมโครกรีนไว้กินเองกล้วยๆถึงแม้มีพื้นที่จำกัด ซึ่งผักที่ชาวไทยนิยมเอามาผลิตไมโครกรีน เป็นต้นว่า ทานตะวัน ผักบุ้ง คะน้า ถั่วลันเตา โขมแดง เครส ร๊อกเก็ตสลัด ใบกะเพรา ฯลฯ
พืชพวกนี้บางจำพวกสามารถเพาะเม็ดได้โดยไม่ใช้ดิน ทำให้จัดแจงดูแลง่ายดาย และก็อดออมพื้นที่สำหรับการปลูกอีกด้วยผักจิ๋วไมโครกรีน (Microgreen) เป็นผักอีกตัวนึงที่เป็นที่กลุ่มชนรักสุขภาพนิยมกินกันในระยะหลังมานี้ เพราะว่าเป็นผักที่มีสีหลากหลายและยังสวยงาม เนื้อสัมผัสที่กรอบอร่อย กินง่าย แล้วก็ผักบางตัวยังมีคุณค่าทางสารอาหารมากยิ่งกว่าผักประเภทเดียวกันที่โตสุดกำลังแล้ว 5-40 เท่าอีกด้วยผักจิ๋วไมโครกรีน (Microgreen) เป็นผักอีกตัวนึงที่เป็นที่กลุ่มชนรักสุขภาพนิยมกินกันในพักหลังมานี้ เนื่องด้วยเป็นผักที่มีสีหลากหลายและยังสวยงาม เนื้อสัมผัสที่กรอบอร่อย กินง่าย แล้วก็ผักบางตัวยังมีคุณค่าทางสารอาหารมากยิ่งกว่าผักประเภทเดียวกันที่โตสุดกำลังแล้ว 5-40 เท่าอีกด้วย
ไมโครกรีน เป็นต้นอ่อนหรือต้นกล้าขนาดเล็กของพืช ผัก สมุนไพรประเภทต่างๆ
ที่เพาะจากเม็ด และก็เติบโตจนกระทั่งมีใบจริง 2-3 ใบ ขนาดความสูงของต้นกล้าขนาดที่กินได้ราว 2-3 นิ้วผักแตกหน่อ ต้นอ่อน และก็ไมโครกรีน (Microgreens)พวกเราบางทีอาจเรียกรวมต้นกล้าของผักที่เอามารับประทานว่า ‘ต้นอ่อน’ แม้กระนั้นในความเป็นจริงแล้วในแวดวงของกินแบ่งชนิดของต้นกล้าออกเป็น 3 แบบตามอายุตอนเก็บเกี่ยวรวมทั้งประเภทของพืชที่เอามาเพาะเลี้ยงหมายถึงผักแตกออก ต้นอ่อน รวมทั้งไมโครกรีน เริ่มจาก ‘ผักแตกออก’ เป็นต้นอ่อนที่ผลิออกขึ้นจากเม็ดถั่ว ไม่ว่าจะถั่วเขียวที่แปลงเป็นถั่วงอก ถั่วแดง ถั่วดำ หรือถั่วดินก็นิยมเอามาเพาะรับประทานเหมือนกัน โดยระยะเก็บเกี่ยวของผักแตกออกจะอยู่ระหว่าง 2-7 วันสุดแท้แต่ประเภทของถั่วที่เอามาเพาะ ส่วน ‘ต้นอ่อน’ (Sprouts)
เป็นต้นกล้าของผักประเภทต่างๆที่เอามาเพาะราว 7-10 วันแล้วถึงเก็บกิน Cressing Cress Microgreens ประเภทที่พวกเรารู้จักกันดีก็ดังเช่นว่า ต้นอ่อนทานตะวัน ต้นอ่อนหัวผักกาด (ไควาเระ) หรือต้นอ่อนถั่วลันเตา (โต้วเหมี่ยว)ไมโครกรีนมีชื่อเสียงหนแรกตอนกึ่งกลางสมัย 80s เมื่อห้องอาหารในแคลิฟอเนียร์นำต้นกล้าของผักโขมสีแดงอ่อนมาใช้ตกแต่งเมนูอาหารจนกระทั่งฮือฮา โดยไม่เคยทราบเลยว่าพวกมันอุดมด้วยวิตามินเป็นอันมาก แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานผู้รู้และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการโภชนาการก็พบว่าผักจิ๋วกลุ่มนี้มีสารอาหารมากยิ่งกว่าผักโตเต็มวัยซะอีก ไม่ว่าจะต้นอ่อนของกะหล่ำปลีที่มีวิตามินซีสูขี้เหนียวว่ากะหล่ำปลีหัวใหญ่ๆถึง 40 เท่าในรูปทรงเสมอกัน หรือต้นอ่อนของผักชีเองก็มีเบต้าแคโรทีนมากยิ่งกว่าต้นผักซีที่พวกเราใช้โรยหน้าถึง 3 เท่า!
แต่กระแสไมโครกรีนก็เงียบหายไปราวกึ่งกลางสมัย 90s ก่อนกลับมารุ่งเรืองอีกรอบพร้อมเทรนด์สุขกายสบายใจเมื่อเร็วๆนี้สิ่งที่แตกต่างสำคัญๆระหว่างไมโครกรีนกับผักผลิออกรวมทั้งต้นอ่อน เป็นช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวนานกว่า เป็นราว 1-2 อาทิตย์ข้างหลังลงเม็ด (กะกล้วยๆว่าต้นกล้ามีความสูงราว 3 นิ้วก็พร้อมเก็บ) รวมทั้งเม็ดผักที่ใช้เพาะไมโครกรีนนั้นมักมีขนาดเล็กจิ๋วระดับใกล้เคียงทราย สำคัญเป็นค่าทางของกินของมันเยอะกว่าต้นกล้าอีก 2 จำพวกแบบทิ้งห่าง แบบอย่างเม็ดผักที่นิยมเอามาเพาะก็ดังเช่น ผักบุ้ง กะหล่ำปลี ผักชี แล้วก็ผักโขม
ค่าทางโภชนาการของไมโครกรีน
ไมโครกรีนอุดมด้วยสารอาหารมากมายก่ายกอง เเตกแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ของไมโครกรีน เเต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่สิ่งที่แบบเดียวกันจำนวนมากเป็นไมโครกรีน อุดมด้วยเเร่ธาตุโพเเทสเซียม เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม และก็ทองเเดง ไมโครกรีน เป็นแหล่งสารอาหารที่ดีมีสาระ เพราะเหตุว่ามีสารแอนติออกสิเเดนซ์สูง หรือสารต้านอนุมูลอิสระสูง ถ้าเกิดเปรียบเทียบในจำนวนที่เสมอกันระหว่างผักใบเขียว กับไมโครกรีน พบว่า ไมโครกรีนมีจำนวนสารอาหารในจำนวนสูง มีทั้งยังวิตามิน เเร่ธาตุ รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระสูงขึ้นมากยิ่งกว่าผักใบเขียว มีรายงานศึกษาค้นคว้าเปรียบต้นอ่อน ไมโครกรีน กับพืชที่โตสุดกำลังประเภทเดียวกัน พบว่า สารอาหารในโมโครกรีนมีจำนวนสูงยิ่งกว่าพืชไมโครกรีนที่โตเต็มกำลัง 9 เท่า แถมยังมีความมากมายหลากหลายของสารโพลีฟีนอล
มาแรงแซงโค้งอย่างเหนือชั้น กับกระแสผักจิ๋ว ไมโครกรีน (Microgreens) กับคุณประโยชน์แล้วก็ค่าจำนวนมาก jood88 ตอบสนองในสิ่งที่ต้องการ ของคนภายในปัจจุบัน เว้นเสียแต่ผลดีที่มากมายแล้ว ยังมีรูปลักษณ์ที่งาม น่าอร่อย เชฟตามโฮเต็ล ห้องอาหาร นิยมเอาเจ้าผักจิ๋ว กลุ่มนี้วางตกแต่งในจานของกิน ซึ่งทำให้ของกินมองงามมองน่าอร่อยมากมายข้น รวมทั้งเปลี่ยนเป็นของกินจานสุขภาพที่น่าดึงดูดขึ้นมาโดยทันทีผักจิ๋ว ไมโครกรีน ก็คือผักที่อยู่ในตอนของต้นกล้าขนาดเล็ก เพาะจากเม็ดผัก สมุนไพร แล้วก็เมล็ดพืชอื่นๆโดยใช้เวลาเพียงแค่ราว 7-10 วัน จะได้ต้นอ่อนที่มีขนาดสูง 1-2 นิ้ว มีลำต้นแล้วก็ใบจริง 2-3 ใบ แม้ว่าจะยังเป็นเพียงแต่ผักต้นเล็กๆแต่แรกเริ่มกล้าพวกนี้ หลายประเภทเป็นแหล่งของโปรตีน วิตามิน
รวมทั้งสารแอนตี้ออกสิแด๊นท์ สารอาหารที่มีประโยชน์พวกนี้ Cressing Cress Microgreens เกิดขึ้นด้านในขั้นตอนผลิออกของต้นกล้า โดยแปลงสารอาหารที่สะสมในเม็ด ไปเป็นรูปที่ใช้ประโยชน์ได้ในทันที ทั้งยังมีรสชาติดี แล้วก็กรอบอร่อย กระทั่งกล่าวได้ว่า ผักจิ๋วแม้กระนั้นคุณประโยชน์แจ๋ว ใครๆก็เรียกหาเดี๋ยวนี้ความนิยมไมโครกรีนกำลังมากยิ่งขึ้นเรื่อยด้วยสีสันที่งดงาม เนื้อสัมผัสที่กรอบอร่อย แล้วก็รสที่เข้มข้น ก็เลยได้รับความนิยมเอามากินแบบใหม่ๆมากยิ่งกว่านำไปผ่านกรรมวิธีแต่ง ได้แก่ ใส่ไว้ในสลัด แซนด์วิช ทานกับน้ำพริก หรือตกแต่งอาหาร ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยบางทีก็อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับคำๆนี้ แต่ว่าสำหรับฝูงคนหวานใจสุขภาพอยู่แล้วหรือสายคลีนมักจะรู้จักคำๆนี้อย่างดีเยี่ยม ไมโครกรีนเป็นอย่างไร? มีสาระต่อร่างกายเช่นไร? จาปินมีข้อมูลหัวข้อนี้มาบอกให้รู้กันจ้ะ
ไมโครกรีน (Microgreens)เป็นต้นกล้าขนาดเล็กหรือต้นอ่อนของผัก สมุนไพร หรือเมล็ดพืชจำพวกต่างๆซึ่งทำเพาะเม็ดและก็เจริญวัยกระทั่งมีใบจริง 2-3 ใบ ความสูงโดยประมาณ 2-4 นิ้ว มีลักษณะทรงและก็สีสันสวยน่าอร่อยสุดแท้แต่ละประเภทของผักนั้นๆมีกลิ่นหอมสดชื่น มีสารอาหารมากมาย แล้วก็มีคุณค่าทางโภชนาการสูงยิ่งกว่าผักที่โตเต็มกำลัง โดยใช้เวลาสำหรับการเพาะปลูกเพียงแค่ 7-10 วันก็สามารถเอามากินได้แล้วในต้นอ่อนจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ต้องต่อการเติบโตของพืช เมื่อเอามากินก็เลยมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากยิ่งกว่าผักทั่วๆไปที่เติบโตเต็มกำลังแล้ว ซึ่งสารอาหารจะน้อยลงตามช่วงเวลาที่ใช้ในลัษณะของการเพาะปลูก โดยเหตุนั้น ไมโครกรีนก็เลยเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยที่ถูกใจกินผัก แม้เพิ่มไมโครกรีนในของกินก็จะยิ่งได้รับสารอาหารเยอะขึ้น